8
days
Leh Ladakh, India
29 มิถุนายน - 6 กรกฏาคม 2568 เดินทาง 14 ท่าน
Trip Highlight
Leh - Lamayuru - Nubra Valley - Pangon Lake - Hemis Mask Dance
ทริปถ่ายภาพแบบเจาะลึกกับเมืองที่เรียกว่าเป็นเมืองหลวงของช่างภาพเมืองหนึ่งของโลก เลห์ ลาดัก(Leh Ladakh) เมืองเล็กๆในอ้อมกอดของขุนเขา ทั้งเทือกเขาหิมาลัยทางตอนใต้และเทือกเขาคาราโกรัมทางตอนเหนือ เราจะพาท่านไปพบกับวิวทิวทัศน์สุดอลังการ เส้นทางลัดเลาะตามเทือกเขาอันน่าตื่นตาตื่นใจ รวมทั้งวิถีชีวิตของผู้คนที่ถอดแบบวัฒนธรรมจากทิเบตจนได้สมญานามว่า "Little Tibet" ไม่พลาดที่จะเข้ารวมกับเทศกาล Hemis Tseche หรือระบำหน้ากากวัดเฮมิส อันมีชื่อเสียง
กำหนดการเดินทาง : 29 มิถุนายน - 6 กรกฏาคม 2568
ค่าใช้จ่าย : 37,900 บาท (ไม่รวมตั๋วเครื่องบิน)
ผู้ร่วมเดินทาง : 14 ท่าน + 2 ผู้นำทริป (ออกเดินทางขั้นต่ำ 8 ท่าน)
ชำระมัดจำ : 15,000 บาท เพื่อเป็นการยืนยันสิทธิ์ โดยทางเราจะถือลำดับการชำระมัดจำเข้ามาเป็นสำคัญ
สำหรับลูกค้าที่เดินทางท่านเดียว ทางเราจะจัดหารูมเมทให้โดยไม่จำเป็นต้องชำระค่าใช้จ่ายสำหรับพักเดี่ยวแต่อย่างใด
สายการบินระหว่างประเทศ Air India
ขาไป
เดินทางวันที่ 29 มิถุนายน 2568
BKK-DEL-IXL เที่ยวบิน AI2122+AI445 เวลา 15:05-08:10 น.+1 ถึงเดลีวันที่ 30 มิถุนายน 2568 (แวะพักที่โรงแรมใกล้สนามบิน 1 คืน)
ขากลับ
เดินทางวันที่ 6 กรกฏาคม 2568
IXL-DEL-BKK เที่ยวบิน AI478+AI332 เวลา 06:55-16:55 น.
ข้อแตกต่างของทริปถ่ายภาพกับทริปท่องเที่ยวทั่วไป
ทริปท่องเที่ยวทั่วไปหรือที่หลายท่านชอบเรียกว่า"ชะโงกทัวร์" คือเน้นสถานที่เยอะในเวลาจำกัด ได้แค่ถ่ายภาพกับป้ายหรือแลนด์มาร์คสำคัญๆ หลายคนอาจจะเคยไปทัวร์แบบปกติแล้วไม่ค่อยมีเวลาลั่นชัตเตอร์เท่าไหร่ ทัวร์ถ่ายภาพของเราเน้นว่า "มาแล้วต้องได้ภาพกลับไป" ไม่ว่าจะเป็นภาพวิวทิวทัศน์หรือภาพตัวเองกับวิวทิวทัศน์หรือสถานที่สวยๆตลอดการเดินทาง ในแต่ละสถานที่เราอาจใช้เวลานานกว่าทัวร์ปกติทั่วๆไป ต้องมีการตื่นเช้าออกไปรอถ่ายแสงเช้า ช่วงเย็นรอพระอาทิตย์ตกเพื่อถ่ายแสงเย็นอาจทานข้าวเย็นล่าช้าไปบ้าง สิ่งเหล่านี้ทำให้เราแตกต่างออกไปจากทัวร์ปกติ การจัดการโปรแกรมก็แตกต่างกัน มีความยืดหยุ่นสูงกว่า และที่สำคัญต้องมีการทำการบ้านมาเป็นอย่างดีโดยผู้มีประสบการณ์ รู้จักสถานที่นั้นๆว่ามีอะไรที่น่าสนใจ ถ่ายภาพแบบไหนจึงจะสวย สิ่งเหล่านี้จำเป็นมากเมื่ออยู่หน้างาน รวมทั้งความสนุกๆสนานที่ได้เดินทางกับเพื่อนร่วมทริปที่สนใจในเรื่องการถ่ายภาพเหมือนๆกัน
เหมาะสำหรับ
ผู้สนใจถ่ายภาพทุกระดับ ตั้งแต่เริ่มจับกล้องจนถึงระดับมืออาชีพ ทริปนี้เราจะเน้นสถานที่โดยรอบของเลห์เป็นหลัก บางเส้นทางต้องวิ่งบนสันเขาสูง เรียกว่าเป็นถนนที่สูงที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเลยก็ว่าได้ ทุกคนมีโอกาสเกิดอาการ AMS หรือโรคแพ้ความสูงได้พอๆกัน แต่ทางผู้จัดและ Land Operator ชาวอินเดีย ก็เตรียมยาพร้อมคำแนะนำที่จะทำให้ปัญหานี้เกิดให้น้อยที่สุด
โรคแพ้ความสูง AMS คืออะไร ?
Altitude Sickness #1 โรคที่ต้องระวังในพื้นที่สูง > http://goo.gl/t7jOsU
Altitude Sickness #2 อาการและการป้องกัน > http://goo.gl/FlkQAA
Trip Rating
อาหารการกินถูกปาก : ปานกลาง
Fitness Level : ง่าย
ความสะดวกสบายของโรงแรมที่พัก : ปานกลาง
ความสะดวกสบายในการเดินทาง : ปานกลาง
โปรแกรมการเดินทาง
29.6.2025 / Day 1 : Bangkok - Delhi (D)
ออกเดินทางจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เดินทางด้วยสายการบิน Air India ออกเดินทางเวลา 15:05 น. มุ่งหน้าสู่กรุงเดลี ประเทศอินเดีย ถึงท่าอากาศยานนานาชาติอินทิรา คานธี กรุงเดลี เมืองหลวงของประเทศอินเดียเวลา 18:15 น. ตามเวลาท้องถื่น เดินทางเข้าพักและรับประทานอาหารเย็นที่ ASHOKA COUNTRY RESORT หรือเทียบเท่า
30.6.2025 / Day 2 : Delhi - Leh (L-D)
ออกเดินทางจากโรงแรมไปท่าอากาศยานนานาชาติอินทิรา คานธีช่วงเช้ามืด เดินทางด้วยสายการบิน Air India เวลา 6:40 น. ถึงท่าอากาศยาน Leh Kushok Bakula Rimpochey Airport เวลา 8:10 น. หลังจากรับประทานอาหารเช้าแล้ว เข้าพักผ่อนที่โรงแรมเพื่อปรับตัวให้ชินกับสภาพความสูงกว่า 3,600 เมตรจากระดับน้ำทะเล ช่วงบ่ายหลังจากรับประทานอาหารกลางวันจะพาท่านเยี่ยมชมสถานที่สำคัญในเมืองเลห์ ได้แก่ Leh Palace และ Namgyal Tsemo Monastery ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่สวยงามซึ่งมองเห็นเมืองเลห์ได้จากมุมสูง หลังจากนั้น เข้าพักที่ HOTEL ROYAL LADAKH หรือเทียบเท่า (พัก 2 คืน)
1.7.2025 / Day 3 : Leh - Lamayuru - Leh (B-L-D)
หลังจากรับประทานอาหารเช้าแล้ว นำท่านเดินทางสู่ Lamayuru Monastery ทางตะวันตกของ Leh ได้ชื่อว่าเป็นดินแดนแห่ง Moonscape หรือทิวทัศน์คล้ายพื้นผิวดวงจันทร์ ระยะทาง 115 km ตามเส้นทางจะผ่านสถานที่น่าสนใจหลายแห่ง Magnetic hill, Confluence point of Indus and Zanskar River และ Basgo Gompa วันนี้เราเดินทางกลับเส้นทางเดิม เข้าพักที่โรงแรมเดิม
2.7.2025 / Day 4 : Leh - Nubra Valley (B-L-D)
ออกเดินทางจากเมืองเลห์สู่หุบเขานูบร้า ผ่าน Kadung La Pass ซึ่งถือว่าเป็นถนนที่สูงที่สุดในโลก สูงจากระดับน้ำทะเล 5,600 เมตร ถึงนูบร้าช่วงบ่าย แวะเที่ยวชม Diskit Monastery เป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดในเขตหุบเขานูบร้า สามารถเห็นวิวทิวทัศน์ได้โดยรอบ หลังจากนั้นเดินทางสู่ Hunder เก็บภาพอูฐบนเนินทรายสุดลูกหูลูกตา ที่ Hunder Sand Dune หากท่านใดอยากลองขี่อูฐดูสักครั้งก็สามารถทำได้ที่นี่ พักหุบเขานูบร้า เข้าพักที่ Hotel Grand Nubra หรือเทียบเท่า
3.7.2025 / Day 5 : Nubra Valley - Pangong Tso (B-L-D)
เดินทางจากหุบเขานูบร้าสู่ทะเลสาบปันกอง ซึ่งเป็นทะเลสาปน้ำเค็มที่สวยงามและตระการตา โดยพื้้นที่ 30% นั้นอยู่ในประเทศอินเดีย อีก 70% อยู่ในประเทศจีน ระยะทางประมาณ 150 km โดยผ่าน Wari La Pass โดยเส้นทางจะเลียบไปตามแม่น้ำ Shayok พบกับวิวทิวทัศน์อันสวยงาม เดินทางมาจนสุดเส้นทางที่หมู่บ้าน Maan ริมทะเลสาบปันกอง เป็นหมู่บ้านสุดท้ายที่อนุญาติให้เข้าถึงได้จากอินเดีย เข้าพักที่ริมทะเลสาบปันกอง เข้าพักที่ Pangong Wood Camp หรือเทียบเท่า
4.7.2025 / Day 6 : Pangong Tso - Leh (B-L-D)
ออกเดินทางจากจากทะเลสาบปันกองสู่เมืองเลห์ รวมระยะทาง 160km โดยเส้นทางจะผ่าน Chang La Pass ซึ่งมีความสูงเป็นอันดับสามของโลก สูงจากระดับน้ำทะเล 5,270 เมตร ระหว่างทางจะมีจุดถ่ายภาพเจ้ามาร์มอตซึ่งเป็นสัตว์ตะกูลกระรอกที่ค่อนข้างคุ้นชินกับนักท่องเที่ยว ตัวมาร์มอต มักอาศัยอยู่ในโพรงที่มันขุดขึ้นมา และจะจำศีลในช่วงหน้าหนาว เป็นสัตว์กินพืช เช่น หญ้า, ลูกไม้, ไลเคน, มอส, รากไม้ และดอกไม้ เป็นต้น ช่วงเย็นเก็บภาพยามเย็นบน Santi Stupa หลังจากนั้นเข้าพักที่เลห์ เข้าพักที่ HOTEL ROYAL LADAKH หรือเทียบเท่า (พัก 2 คืน)
5.7.2025 / Day 7 : Hemis Mask Dance and Leh half day trip (B-L-D)
หลังจากรับประทานอาหารเช้าแล้ว ช่วงครึ่งวันเช้าเข้าร่วมเทศกาล Hemis Tseche หรือระบำหน้ากากวัดเฮมิสอันมีชื่อเสียง ช่วงบ่ายยังมีหลานสถานที่สำหรับในเมืองเลห์ที่จะพาท่านเยี่ยมชม อาทิ Stakna Monastery, Thiksey Monastery และ Shay Palace เป็นต้น หลังจากนั้นเข้าพักที่โรงแรมเดิม
6.7.2025 / Day 8 : Leh - Delhi - Bangkok
เตรียมตัวเดินทางไปท่าอากาศยาน Leh Kushok Bakula Rimpochey Airport เดินทางด้วยสายการบิน Air India เวลา 06:55 สู่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ประเทศไทย โดยจะแวะเปลี่ยนเครื่องที่ ท่าอากาศยานนานาชาติอินทิรา คานธี กรุงเดลี เดินทางถึงประเทศไทยโดยสวัสดิภาพเวลา 16:55 น.
ยานพาหนะ
รถตู้คันใหญ่ 2 คัน ตลอดการเดินทาง
โรงแรมที่พัก
ห้องพักมาตราฐานพักห้องละ 2 ท่าน ในเลห์และ Nubra Valley จะเป็นโรงแรม ที่ Pangong Tso จะเป็นลักษณะของแค้มป์ซึ่งจะไม่สะดวกสบายเท่าโรงแรม
Leh : HOTEL ROYAL LADAKH
Nubra Valley : Hotel Grand Nubra
Pangong Lake : Pangong Wood Camp
สภาพอากาศ
Leh Ladakh ช่วง Summer กลางวันค่อนข้างร้อน ถึงแม้อุณหภูมิจะประมาณ 25 องศา แต่แดดค่อนข้างแรงจำเป็นต้องสวมเสื้อผ้าที่ค่อนข้างมิดชิดหน่อยครับ กลางคืนค่อนข้างเย็น โดยเฉพาะที่ปันกอง อาจจะต้องเตรียมเสื้อกันหนาวมาบ้างส่วน อุณหภูมิต่ำสุดประมาณ 10-15 องศา
สิ่งที่ต้องเตรียมตัวเป็นพิเศษ
เนื่องจากปัญหาเรื่อง AMS หรือการป่วยเป็นโรคแพ้ความสูงนั้นไม่สัมพันธ์กับอายุ รวมถึงความแข็งแรงของร่างกาย ทำให้ปัจจัยเหล่านี้ไม่สามารถบอกได้ว่าใครจะป่วยหรือไม่ ลูกค้าอาจจะทานยา Diamox เพื่อช่วงป้องกันและควรปฏิบัติตามคำแนะนำของทีมงานจะดีที่สุด / ทริปนี้รถถึงเป็นส่วนมาก เดินค่อนข้างน้อย
หมายเหตุ
- เนื่องจากเป็น Photo trip โปรแกรมการเดินทางอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสมตามสถานการณ์ต่างๆ
- วงเล็บด้านหลังหมายถึงมื้ออาหารที่เราให้บริการ / B = อาหารเช้า / L = อาหารกลางวัน / D = อาหารเย็น
เงื่อนไขการจองและการชำระเงิน
วันที่จอง : ชำระมัดจำงวดแรก 15,000 บาท
ภายในวันที่ 30 เมษายน 2568 : ชำระส่วนที่เหลือทั้งหมด 22,900 บาท
การชำระเงินค่าทริป รบกวนลูกค้าติดต่อเข้ามาทาง Line ID = @wonderwander ขอบคุณครับ
**ขอสงวนสิทธิ์การจองทริปให้กับท่านที่ชำระค่ามัดจำเข้ามาแล้วเท่านั้น**
การยกเลิกทริปและเหตุการณ์อันไม่พึงประสงค์
การยกเลิกทริปโดยลูกค้า
หลังจากที่ผู้จัดได้คอนเฟิร์มทริปแล้ว (มีสมาชิกครบตามจำนวนที่ต้องการ)
ยกเลิกก่อนวันเดินทางมากกว่า 60 วัน หักมัดจำที่ชำระเข้ามาทั้งหมด
ยกเลิกก่อนวันเดินทางระหว่าง 15-60 วัน หัก 70% ของค่าทริปทั้งหมด
ยกเลิกก่อนวันเดินทางน้อยกว่า 15 วัน ไม่สามารถคืนเงินได้ยกเว้นเงินรีฟันด์ตั๋วเครื่องบินให้ลูกค้าตามเงื่อนไขของสายการบินนั้นๆ
หมายเหตุ : ในกรณีที่ค่าทริปรวมตั๋วเครื่องบิน ผู้จัดจะทำการคืนเงินรีฟันด์ตั๋วเครื่องบินให้ลูกค้าตามเงื่อนไขของสายการบินนั้นๆ
การยกเลิกทริปโดยผู้จัด
- ในกรณีที่ทริปต้องถูกยกเลิกการเดินทาง ด้วยเหตุปัจจัยต่างๆเว้นแต่เหตุสุดวิสัย* ทางผู้จัดยินดีที่จะคืนค่าทริปที่ลูกค้าจ่ายมาทั้งหมด ยกเว้นค่าตั๋วเครื่องบินที่มีการดำเนินการซื้อไปแล้ว ในส่วนของตรงนี้คืนได้เฉพาะส่วนที่ได้รีฟันจากทางสายการบินเท่านั้น (อาจจะได้รีฟันมากบ้างน้อยบ้างตามแต่คลาสของตั๋ว ตั๋วบางคลาสอาจจะได้คืนเพียงแค่ภาษีเท่านั้น)
*ในกรณีที่เกิดเหตุสุดวิสัย เช่น เกิดการก่อการร้าย เกิดความไม่สงบ เกิดการประท้วง เกิดจากภัยธรรมชาติ โรคระบาดที่ทำให้ไม่สามารถเดินทางได้ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของนโยบายการเดินทางเข้า-ออกประเทศ หรือเหตุอื่นๆที่ถือว่าเป็นเหตุสุดวิสัย หรือหากมีการเดินทางแล้วจะก่อให้เกิดอันตรายต่อลูกค้า ผู้จัดขอสงวนสิทธิในการตัดสินใจว่าจะเลื่อนทริป หรือยกเลิกทริปโดยคำนึงถึงความปลอดภัยและผลประโยชน์อันสูงสุด โดยถือว่าการตัดสินใจเป็นสิทธิเด็ดขาดของทางผู้จัด หากมีเหตุให้มีความจำเป็นต้องยกเลิกทริปกรณีที่เกิดเหตุสุดวิสัย ทางผู้เดินทางจะได้รับเงินคืนหลังจากหักค่าใช้จ่ายที่ไม่สามารถเรียกคืนได้ ภายในระยะเวลา 30 วันหลังจากวันที่ทำการแจ้งยกเลิก
การยกเลิกทริปเนื่องจากลูกค้ายื่นวีซ่าไม่ผ่าน
ให้ใช้เงื่อนไขเดียวกับการยกเลิกทริปโดยลูกค้า เนื่องจากการอนุมัติวีซ่านั้นเป็นเรื่องของสถานฑูตที่จะพิจารณาเป็นรายบุคคลไป ไม่มีความเกี่ยวข้องใดกับผู้จัดแนะนำให้ลูกค้าหลังจากจองทริปไปแล้วควรไปขอวีซ่าแต่เนิ่นๆ เพื่อที่จะเมื่อเกิดปัญหาเรื่องวีซ่าจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ง่ายกว่าการขอวีซ่าแบบกระชั้นชิด
การเปลี่ยนแปลงตารางการบิน
หากมีการเปลี่ยนแปลงตารางการบินที่เกิดจากสายการบิน ทางผู้จัดจะพยายามปรับเปลี่ยนเที่ยวบินทดแทนให้โปรแกรมยังคงสามารถเดินทางได้เท่าที่สามารถทำได้ หากการเปลี่ยนแปลงตารางการบินโดยสายการบินกระทบกับลูกค้า ทางผู้จัดขอสงวนสิทธ์ไม่ชดเชยความเสียหายต่างๆที่เกิดขึ้นภายหลัง
วีซ่าอินเดีย
ทางผู้จัดเป็นผู้ดำเนินการทำ e-Tourist Visa ให้ลูกค้า โดยที่ลูกค้าไม่ต้องเดินทางมายื่นวีซ่าด้วยตนเอง
ในปัจจุบันทางประเทศอินเดียได้ยกเลิกการเก็บค่าธรรมเนียมวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2567 ค่าทริปดังกล่าวยังไม่ได้รวมค่าธรรมเนียมวีซ่าและค่าบริการประมาณ 1000 บาท หากมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายเรื่องค่าธรรมเนียมวีซ่าอาจจะมีการเก็บเพิ่มเติมภายหลัง
ค่าใช้จ่ายนี้รวม
- ค่าโรงแรมที่พักรวมทั้งสิ้น 7 คืน
- ค่าอาหารตามที่ระบุในโปรแกรม
- ค่ารถและยานพาหนะต่างๆที่ใช้เดินทาง ได้แก่ ค่าน้ำมัน,ค่าที่จอดรถและค่าทางด่วน
- ค่าจ้างผู้นำทริป รวมถึงค่าตั๋วเครื่องบิน,วีซ่า,อาหาร,ที่พักและเงินใช้จ่ายส่วนตัวระหว่างออกทริป
- ค่าจ้างไกด์ท้องถิ่น
- ค่าธรรมเนียมเข้าชมสถานที่ต่างๆ
- ค่าประกันเดินทาง ทุนประกัน 2,000,000 บาท เงื่อนไขตามกรมธรรม์
ค่าใช้จ่ายนี้ไม่รวม
- ค่าตั๋วเครื่องบินระหว่างประเทศและภายในประเทศ
- ค่า VISA อินเดีย Tourist Visa และค่าบริการ
- ค่าทิปไกด์ท้องถิ่นและพนักงานขับรถ, พนักงานบริการ รวม 50 USD ต่อท่าน
- ค่านั่งอูฐที่ Nubra Valley
- ค่าใช้จ่ายอื่นๆ นอกเหนือรายการ เช่น ค่าเครื่องดื่ม มินิบาร์ ค่าโทรศัพท์ ที่ใช้ที่โรงแรม หรืออื่นๆ เช่น ค่าซักรีด เป็นต้น
- ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่ได้คาดการณ์
ตั๋วเครื่องบิน
ลูกค้าสามารถเช็คราคาตั๋วเครื่องบินได้ที่ Official website หรือจะจองผ่านเอเจนซี่ก็ได้เช่นกัน หากมีความประสงค์จะให้ทางบริษัทจัดการจองได้ก็สามารถแจ้งได้ โดยทางผู้จัดจะคิดค่าใช้จ่ายตามจริงไม่มีบวกค่าบริการใดๆ
หมายเหตุ : ก่อนจองตั๋วด้วยตัวท่านเองกรุณาสอบถามทางผู้จัดก่อน ว่าทริปนี้ได้คอนเฟิร์มการเดินทางแล้วหรือไม่
สนใจร่วมเดินทางติดต่อ
คุณนัท โทร 0837599145 / คุณต้น โทร 0805851585