โปรแกรมการเดินทาง
 

23.10.2025 / Day 1 : Bangkok - Doha - Venice - Ljubljana [230 KM : 2.5-3 HR]
พร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิช่วงค่ำของวันที่ 22 ตุลาคม 2568 เดินทางด้วยสายการบิน Qatar ออกเดินทางจากท่าอากาศยานนานาสุวรรณภมิ เวลา 02:30 น. จุดมุ่งหมายคือท่าอากาศยานนานาชาติ Venice Marco Polo Airport เมืองเวนิส ประทศอิตาลี โดยจะแวะเปลี่ยนเครื่องบินที่โดฮา เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติ Venice Marco Polo Airport เมืองเวนิส ประทศอิตาลีเวลา 14:20 น. ตามเวลาท้องถิ่น จัดการเรื่องรถเช่าเรียบร้อย ออกเดินทางไป Ljubljana เมืองหลวงของประเทศสโลวีเนีย เข้าพักที่ City Hotel Ljubljana หรือเทียบเท่า

24.10.2025 / Day 2 : Ljubljana - Bled (B) [60 KM : 1 HR]

ถ่ายภาพแสงเช้าบริเวณริมน้ำใกล้ Prešeren Square ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงแรม หลังจากรับประทานอาหารเช้าแล้ว ท่องเที่ยวในเมือง Ljubljana เพิ่มเติมอาทิ Prešeren Square, Dragon Bridge, Ljubljana castle และ Ljubljana Mosque โดยจุด Ljubljana castle จะมีการนั่ง Cable Car ขึ้นไปเพื่อชมวิวจากมุมสูงและท่องเที่ยวตัวปราสาทด้านบน หลังจากนั้นช่วงบ่ายเดินทางไปยัง Lake Bled ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง โดยจะแวะถ่ายภาพแสงเย็นที่ Bled Castle หลังจากนั้นเข้าพักที่ Ribno Alpine Hotel หรือเทียบเท่า(พัก 2 คืน)
 
25.10.2025 / Day 3 : Bled - St Thomas Church - Vintgar Gorge - Lake Bohinj - Bled (B)

ออกเดินทางแต่เช้ามืด ขับรถประมาณ 45 นาทีไปถึงจุดถ่ายภาพซึ่งถือว่าเป็นมุม iconic ของสโลวีเนียเลยก็ว่าได้ กับมุมเนินเขา โบสถ์ และแนวเทือกเขา Julian Alps อันสวยงามหลังจากนั้นเดินทางกลับมาทานอาหารเช้าที่โรงแรม หลังจากนั้นเตรียมตัวเดินทางไป Vintgar Gorge  เป็นลำธารน้ำใสขนาดเล็ก มีความยาวประมาณ 1.6 กิโลเมตร อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือ ของประเทศสโลวีเนีย สามารถถ่ายภาพโตรกลำธารได้ หลังจากนั้นเดินทางไปต่อที่ Lake Bohinj จุดนี้เราจะเดินขึ้นเขาไปถ่ายภาพมุมสูงที่ Peč viewpoint ใช้เวลาเดินประมาณ 20-30 นาที เป็นจุดชมวิวที่เห็น St John the Baptist และ Lake Bohinj จะสวยงามเป็นพิเศษในช่วงฤดูกาลใบไม้เปลี่ยนสี หลังจากนั้นมาเก็บภาพมุมล่างของ St John the Baptist ถึงช่วงเวลาพระอาทิตย์ตกดิน หลังจากนั้นกลับที่พัก

26.10.2025 / Day 4 : Bled - Pericnik waterfall - Lake Jasna - Soča River Valley - Kranjska Gora (B)

เก็บภาพแสงเช้าบริเวณ Lake Bled สำหรับท่านที่มีกำลังพอจะเดินไหวแนะนำเป็นมุมสูงที่จุดชมวิว Ojstrica เดินจากด้านล่างประมาณ 20-30 นาที หากท่านที่ไม่อยากถ่ายภาพมุมสูงสามารถเก็บภาพแสงเช้าบริเวณริมเลตก็สวยงามเช่นกัน หลังจากนั้นถ่ายภาพเล็กๆน้อยๆที่ริมทะเลสาบ กลับเข้าโรงแรมทานอาหารเช้าและเช็คเอาท์อำลาก Lake Bled เดินทางต่อไปยัง Pericnik waterfall ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที หลังจากนั้นเดินทางไปต่อกันที่ Lake Jasna ซึ่งตั้งอยู่ในเมือง Kranjska Gora เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบธรรมชาติและต้องการสัมผัสกับความงามของเทือกเขาแอลป์ในสโลวีเนีย หลังจากนั้นถ้ามีเวลาอาจจะเข้าเช็คอินเข้าพักที่ Ramada Resort Kranjska Gora หรือเทียบเท่า ช่วงบ่ายไปสำรวจเส้นทาง Soča River Valley ตรงนี้มีจุดถ่ายภาพโตรกลำธารสาวงามหลายจุด หลังจากนั้นกลับเข้าที่พัก
 

27.10.2025 / Day 5 : Kranjska Gora - Zelenci - Laghi di Fusine - Passo Gaiu - Cortina d'Ampezzo (B) [180 KM : 3-3.5 HR]

เก็บภาพแสงเช้าบริเวณ Zalenci หลังจากนั้นกลับมาทานอาหารเช้าและเช็คเอ้าท์ หลังจากนั้นเดินทางไปถ่ายภาพทะเลสาบ Laghi di Fusine ซึ่งอยู่บริเวณพรมแดนระหว่างสโลวีเนีย-อิตาลี จากนั้นขับรถยาวข้ามพรมแดนสู่ Dolomite ประเทศอิตาลี จุดหมายแรกคือ Passo Gaiu เราจะเก็บแสงเย็นกันที่นี่ ใช้ระยะเวลาเดินทางค่อนข้างนาน ประมาณ 4 ชั่วโมง หลังถ่ายภาพแสงเย็นเสร็จเดินทางเข้าสู่เมือง Cortina d'Ampezzo เข้าพักที่ Hotel Aquila หรือเทียบเท่า(พัก 2 คืน)

28.10.2025 / Day 6 : East side of Dolomite (B)
ช่วงเช้ามืดออกเดินทางสู่  Lago di braies ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง หลังจากนั้นเก็บภาพต่อที่ Lago di Durrensee หลังจากถ่ายแสงเช้าเสร็จแล้วเดินทางมารับประทานอาหารที่โรงแรม พักผ่อน หลังจากนั้นในช่วงบ่าย เดินทางไป Day Hiking ไปยัง Tre Cime di Lavaredo ภูเขาสามยอดอันมีชื่อเสียง ใช้เวลาเดินค่อนข้างนานไปกลับประมาณ 5 ชั่วโมง เก็บภาพแสงเย็นที่นี่ หลังจากนั้นกลับเข้าพักโรงแรมเดิมหากอากาศไม่ค่อยดี เรามีโปรแกรมเสริมทดแทน ด้วยการไป Mini Hiking Lake Limdis ทะเลสาบขนาดเล็กที่ต้อง Trekking เข้าไปใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง หลังจากนั้น เก็บภาพแสงเย็นที่ Cinque Torri ภูเขาหินรูปร่างเป็นเอกลักษณ์

29.10.2025 / Day 7 : Cortina d'Ampezzo - Garnada pass - Ortisei (B) [70 KM : 2 HR]
ช่วงเช้าเก็บภาพที่ Lake Misurina หลังจากนั้นกลับไปรับประทานอาหารที่โรงแรม เดินทางสู่เมือง Ortisei ระหว่างเส้นทางจะผ่านจุดสวยๆหลายจุดให้แวะท่องเที่ยวถ่ายภาพกันได้แก่ Lago bai di Dines, Passo Valparola, Passo Falzarego เก็บภาพแสงเย็นกันที่ Passo Gardena หลังจากนั้นเข้าพักที่ Smart Hotel Saslong หรือเทียบเท่า ที่อยู่ใกล้ๆกับเมือง Ortisei (พัก 2 คืน)

30.10.2025 / Day 8 :  Alpe di Siusi - Seceda - Villnoss (B)
ช่วงเช้าไปเก็บแสงเช้ากันที่ Alpe di Siusi ต้องเดินเท้าไป-กลับประมาณ 8.5 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง(ทางราบ) หลังจากนั้นกลับไปรับประทานอาหารเช้าที่พัก(ุถ้าทัน) หลังจากนั้นเดินทางไปขึ้นกระเช้าสู่ยอด Seceda อันเป็นอีก Landmark หนึ่งของที่นี่ ใช้เวลาเดินถ่ายภาพบนยอดประมาณ 2-3 ชั่วโมงหลังจากนั้น ช่วงกลางวันรับประทานอาหารในเมือง Ortisei ช่วงบ่ายไปต่อกันที่หมู่บ้าน Villnoss ถ่ายภาพโบสถ์ Santa Magdalena และภูเขาอันสวยงามเป็นฉากหลัง อันเป็นมุมมหาชนของโดโลไมต์ที่หลายๆคนตามหา จุดถ่ายภาพนี้จำเป็นต้องเดินขึ้นจุดถ่ายภาพประมาณ 1.5 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 40 นาที หลังจากนั้นกลับเข้าที่พัก

31.10.2025 / Day 9 : Passo Sella - Sass Pordoi - Passo Rolle - Baita Segantini - Villnoss (B) [150 KM : 3 HR]
ช่วงเช้าเดินทางไปเก็บภาพ Passo Sella เป็นอีกหนึ่งจุดที่เป็นที่นิยมของนักท่องเทียวและช่างภาพ หลังจากนั้นกลับมารับประทานอาหารเช้าแล้ว เดินทางไปต่อกันที่ Passo Pordoi จะขึ้นกระเช้าชมจุดผมวิวมุมสูงของยอด Pordoi หลังจากนั้นรับประทานอาหารกลางวันบริเวณใกล้เคียง ช่วงบ่ายแก่เดินทางต่อไปยัง Passo Rolle ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1:30 ชั่วโมง จะเริ่มเดินเข้าไปถ่ายภาพที่ Baita Segantini ใช้เวลาเดินทั้งสิ้น 45 นาที จะเก็บภาพแสงเย็นที่นี่ หลังจากนั้นเข้าพักที่ Hotel Faloria หรือเทียบเท่า

1.11.2025 / Day 10 : Lake of Carezza - Venice - Doha (B) [220 KM : 4 HR]

ช่วงเช้าถ่ายภาพบริเวณทะเลสาบ Lake of Carezza อันมีชื่อเสียงของโดโลไมท์ เป็นภาพทะเลสาบและทิวต้นสนฉากหลังเป็นภูเขาหิมะอันสวยงาม หลังจากนั้นกลับมาเก็บของเช็คเอ้าท์ที่โรงแรม เดินทางไปท่าอากาศยานนานาชาติ Venice Marco Polo Airport เมืองเวนิส เดินทางกลับประเทศไทยด้วยสายการบิน Qatar ออกเดินทางเวลา 15:00 น. โดยจะแวะเปลี่ยนเครื่องบินที่โดฮา

2.11.2025 / Day 11 : Arrive Bangkok

ถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิประเทศไทยเวลา 12:05 น. โดยสวัสดิภาพ

ยานพาหนะ
สำหรับทริปนี้เราใช้เป็นรถยนต์ 9 ที่นั่ง โดยที่ผู้นำทริปเป็นผู้ขับให้

สภาพอากาศ

ในช่วงปลายเดือนตุลาคม เทือกเขาโดโลไมท์ (Dolomites) ซึ่งตั้งอยู่ในภาคเหนือของอิตาลี เริ่มเข้าสู่ช่วงฤดูใบไม้ร่วง โดยสภาพอากาศในช่วงนี้มักจะค่อนข้างเย็นและมีอุณหภูมิลดลงอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในช่วงเวลากลางคืน ในช่วงกลางวันอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 10-15°C ส่วนในช่วงกลางคืนอุณหภูมิอาจลดลงต่ำกว่า 5°C หรือแม้แต่อยู่ที่ประมาณ 0°C ในบางพื้นที่สูง

โรงแรมที่พัก
ทุกโรงแรมเป็นห้องพักมาตราฐาน

หมายเหตุ
- เนื่องจากเป็น Photo trip โปรแกรมการเดินทางอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสมตามสถานการณ์ต่างๆ
- วงเล็บด้านหลังหมายถึงมื้ออาหารที่เราให้บริการ / B = อาหารเช้า / L = อาหารกลางวัน / D = อาหารเย็น